จริงที่ว่าในปัจจุบัน มีวิธีการทำเงินจากตลาดการลงทุนมากมายเต็มไปหมด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า การเทรดระยะกลาง (Medium Term Trading) เป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะใช้ในการสร้างผลกำไรที่คุ้มค่า มากกว่ากลยุทธ์เทรดระยะอื่นๆ ก็แหงล่ะ! ในเมื่อการเทรดระยะสั้นนั้นช่างเร้าใจเกินกว่าจะรับมือไหวในบางคราว และการเทรดระยะยาวก็ต้องรออีกเป็นเดือนหรือเป็นปี กว่าจะปิดได้สักดีล เกือบลืมไปแล้วว่าลงทุนอะไรเอาไว้!
การเทรดระยะกลาง จึงกลายเป็น "ความลงตัว" ที่อยู่ตรงกลางระหว่างการเทรดระยะอื่นๆ กลยุทธ์นี้ใช้สำหรับการเทรดในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันหรืออาจถึงสัปดาห์ กินเวลาน้อยกว่าการเทรดระยะยาวแบบเห็นๆ แถมยังทำกำไรได้ดีกว่าการเทรดระยะสั้นเสียด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าการเทรด forex ระยะกลางนั้น ไม่ได้วิเศษขนาดที่ว่าจะทำให้ท่านเทรดได้ชนะทุกครั้งหรอกครับ เพราะแนวโน้มต่างๆ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แถมบางครั้งยังใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะมีการเคลื่อนไหวให้เห็น ยิ่งไปกว่านั้น กลยุทธ์นี้ก็ยังมาพร้อมกับความเสี่ยงเหมือนกับกลยุทธ์อื่นๆ เพียงแต่ว่าเงื่อนไขในการเทรดระยะกลางมีความแข็งแกร่งกว่า และมาพร้อมกับจังหวะมากมายในการตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop loss)
แล้วการเทรดระยะกลาง มีผลดีต่อการเทรด forex อย่างไร? ทำไมมันจึงกลายเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดไม่ว่าจะสำหรับนักเทรดมือใหม่หรือเทรดเดอร์มือโปร? ประเด็นสำคัญที่ท่านควรรู้ก่อนเทรดระยะกลาง คืออะไร?
การเทรดระยะกลาง คือ การถือ position เป็นระยะเวลากลางๆ ไม่มากไปและไม่น้อยไป ตรงตามชื่อเลยใช่ไหมล่ะครับ ระยะเวลาที่ว่านั้นอาจเป็นเพียงไม่กี่วันไปจนถึงหลายสัปดาห์ โดยสิ่งที่ทำให้กลยุทธ์นี้พิเศษกว่ากลยุทธ์อื่นๆ ก็คือ มันใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการเทรดระยะสั้นและระยะยาว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม การเทรดระยะกลางจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การเทรดระยะกลางมีข้อเสียหลักๆ ก็คือ กลยุทธ์นี้รับประกันโอกาสในการทำกำไรไม่มากเท่าไหร่นัก เนื่องจากเทรดเดอร์จะต้องมีความรู้ทางเทคนิค ไปจนถึงการศึกษาข้อมูลตลาดและการวิเคราะห์เชิงลึกที่ดีพอสมควร เบื้องต้นอาจศึกษาแค่พื้นฐานการวิเคราะห์ทางเทคนิคไว้ก็ยังดีครับ แม้ว่านั่นอาจจะเพียงพอแค่สำหรับการเริ่มต้นเท่านั้น
วิธีการนั้นแสนเรียบง่ายครับ เทรดเดอร์จะต้องเฝ้าสังเกตและติดตามแนวโน้มในหลายๆ กรอบเวลา และใช้ ตัวชี้วัดทางการเงิน ที่หลากหลาย เพื่อเปรียบเทียบความเคลื่อนไหวและทิศทางของราคาในช่วงเวลาต่างๆ
จากภาพ ท่านจะเห็นระดับตำแหน่งแนวรับและแนวต้าน
ได้เวลาใช้ Moving Average และ Stochastic ให้เกิดประโยชน์ รวมถึงอินดิเคเตอร์ในการเทรด forex อีกหลายชนิดที่มีความสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ได้แก่:
ฝีมือการใช้อินดิเคเตอร์เหล่านี้ในการวิเคราะห์กราฟราคา จะเป็นตัวบ่งบอกความสามารถของท่าน ในการทำกำไรจากการวิเคราะห์แนวโน้มต่างๆ
ตัวอย่าง การเทรดระยะกลาง: สมมุติว่าท่านสังเกตเห็นรูปแบบกราฟหัวไหล่กลับหัว (Inverse Head and Shoulder) ในกราฟรายชั่วโมง ในขณะเดียวกัน stochastics ก็พุ่งขึ้นตัดผ่านพื้นที่ที่มีการขายมากเกินไป (oversold) ท่านจะทำอย่างไร? วิธีการที่ดี คือการวางออเดอร์ที่ตำแหน่งเหนือเส้นแนวต้านระหว่างจุดต่ำสุดของไหล่ (Neckline resistance) นั่นเองครับ
หากเป็นไปตามกฎ นักเทรดระยะกลางจะวางจุดออกที่ Key level ซึ่งรวมถึงตำแหน่งทางจิตวิทยา แนวรับ และแนวต้านสำคัญนั่นเองครับ นอกจากนั้น ท่านจะต้องติดตามข่าวสารรายงานล่าสุดเกี่ยวกับเศรษฐกิจอยู่เสมอ ซึ่งนับว่ามีความสำคัญมากพอกับเครื่องมือต่างๆ ที่ท่านปรับใช้ในกลยุทธ์การเทรดของท่านเลยก็ว่าได้
MTrading ไม่เพียงแค่มอบโอกาสให้ท่านได้เทรดแบบไร้ความเสี่ยงด้วย บัญชีเดโม่ พร้อมเงินฟรีๆ จำนวน $5000 เท่านั้น แต่ยังให้เทรดเดอร์ทุกท่านได้ฝึกฝนกลยุทธ์ต่างๆ แบบไม่จำกัด ก่อนใช้กลยุทธ์เหล่านั้นเทรดด้วย บัญชีจริง แล้วรอรับเงินกำไรจริงๆ ได้เลย
ตามที่เราได้บอกไว้เบื้องต้นว่า กลยุทธ์นี้ไม่ได้การันตีผลตอบแทนในการเทรด ยิ่งไปกว่านั้น เทรดเดอร์จำเป็นต้องมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับกราฟและอินดิเคเตอร์เป็นอย่างดี แต่ถ้าหากท่านสามารถใช้งานเครื่องมือเหล่านั้นได้อย่างเชี่ยวชาญ ท่านจะได้รับประโยชน์จาก:
แต่ก็มีข้อเสียที่ทำให้กลยุทธ์นี้ได้รับความนิยมน้อยลง ได้แก่:
หากท่านได้ตัดสินใจที่จะใช้กลยุทธ์การเทรดระยะกลางแล้วล่ะก็ ท่านต้องยอมรับว่า ท่านจะต้องถือ position เป็นเวลาร่วมวันไปจนถึงหลายสัปดาห์ และโปรดมั่นใจว่าท่านสามารถทำการวิเคราะห์เชิงลึกได้ ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มในอนาคตหรือข้อมูลการเปลี่ยนแปลงในอดีต ซึ่งมีขั้นตอนพื้นฐานที่จำเป็น ดังนี้:
เริ่มต้นจากการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มให้ได้มากที่สุดเท่าที่ท่านจะทำได้ โดยขั้นตอนนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนย่อย ได้แก่
ได้เวลาที่จะนำข้อมูลทั้งหมดที่หามาได้ รวบรวมเข้าด้วยกัน สิ่งสำคัญก็คือ โปรดมั่นใจว่าท่านได้เปรียบเทียบข้อมูลสินทรัพย์ย้อนหลังอย่างน้อย 12 เดือน แล้วอย่าลืมเฝ้าสังเกตข้อมูลการเทรดในปัจจุบันเพื่อใช้เปรียบเทียบกับข้อมูลในอดีต และติดตามเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในบริษัทหรืออุตสาหกรรมต่างๆ ให้ดี
ในขั้นตอนนี้ ที่ท่านจะได้ศึกษากราฟราคาย้อนหลังอย่างละเอียด เพื่อทำ roadmap ของสินทรัพย์นั้นๆ ภายในระยะเวลา 12 เดือน จากข้อมูลที่ท่านได้จัดเตรียมและรวบรวมเอาไว้ใน 2 ขั้นตอนก่อนหน้า
ตัวอย่างเช่น: บริษัทได้ประกาศรายงานอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน สิ่งที่ท่านต้องทำก็คือ พิจารณาข้อมูลดังกล่าวและศึกษาการเปลี่ยนแปลงของราคาหลังการประกาศครั้งสำคัญนั้น
ขั้นตอนถัดไป คือการพิจารณา roadmap ที่ท่านได้ทำไว้ และพยายามคาดการณ์สถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น หากเทรดเดอร์ละเลยขั้นตอนนี้ ท่านจะไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ เพื่อทำความเข้าใจว่าแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในอนาคต ท่านจะต้องถามตัวเองว่า:
สิ่งสำคัญ คือการเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ไม่ได้เป็นไปตามที่ท่านคาดการณ์ไว้
บอกได้เลยว่า การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการเทรดระยะกลางนั้น จะวิเคราะห์เท่าไหร่ก็คงไม่เพียงพอ เพราะมีข้อมูลให้ศึกษาเยอะมากมายไปหมด ดังนั้น เตรียมตัวของท่านให้พร้อมสำหรับกองทัพกราฟราคา, รายงาน และข้อมูลเชิงวิเคราะห์ต่างๆ เพราะภารกิจสำคัญของท่านก็คือ การค้นหาจังหวะการเข้าและออกที่ดีที่สุด ติดตาม การวิเคราะห์ทางเทคนิค เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเรา
แม้ว่าการเทรดระยะกลางจะดูมีความเสี่ยงอยู่พอสมควร แต่มันก็เป็นหนึ่งในวิธีการเทรดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับเทรดเดอร์หลายๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะมือใหม่หัดเทรดหรือเทรดเดอร์มือโปร เพราะกลยุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในแง่ของเวลา แม้ว่าจะต้องใช้ความรู้ในการศึกษาค้นคว้า พิจารณา และวิเคราะห์อย่างละเอียดก็ตาม
หากท่านพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่โลกแห่งการลงทุนที่แท้จริงแล้วล่ะก็ เปิด บัญชีจริง กับเรา แล้วเริ่มเทรดอย่างประสบความสำเร็จได้เลยครับ!
อยากรู้จักการเทรดระยะอื่นๆ หรือเปล่า? ติดตามบทเรียนการเทรดระยะอื่นๆ ได้ ที่นี่
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน