ก่อนหน้าวันอังคาร ตลาดเริ่มต้นสัปดาห์อย่างเงียบเหงา โดยดอลลาร์สหรัฐฯพยายามฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ นักลงทุนกำลังรอสัญญาณใหม่ๆจากการรายงานข้อมูลดัชนี PMI ประจำเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ และการประชุมใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐฯที่ Jackson Hole
ดอลลาร์สหรัฐฯอยู่ใกล้กับระดับต่ำสุดในรอบปี เนื่องจากนักลงทุนมองหาสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนกันยายน ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯและแถลงการณ์ของ Fed ล่าสุดที่ค่อนข้างไปในเชิงลบ ยังทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นกลับมีแนวโน้มที่ดี โดยที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯยังส่งผลกระทบต่อยูโร ส่งผลให้ช่วงแนวโน้มขาขึ้น EUR/USD เผชิญกับความท้าทาย อีกทั้ง ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP/USD) และดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD/USD) ถอยตัวจากระดับสูงสุดในรอบเดือน แม้ไม่มีปัจจัยลบสำคัญขับเคลื่อน
โดยเงินเยนญี่ปุ่น (USD/JPY) ดีดตัวกลับจากระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ ท่ามกลางการพูดคุยเกี่ยวกับความยากลำบากของธนาคารกลางญี่ปุ่นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
น่าสนใจที่ ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD/USD) และดอลลาร์แคนาดา (USD/CAD) ไม่ได้เคลื่อนไหวตามดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนตัวลง โดยราคาน้ำมันดิบยังร่วงลงอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สาม ขณะที่ ราคาทองคำยังคงทรงตัว หลังทำสถิติสูงสุดเหนือ $2,500 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในโลกของคริปโทเคอร์เรนซี Bitcoin (BTC/USD) และ Ethereum (ETH/USD) ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยฟื้นตัวจากการร่วงลงล่าสุด ประกอบกับข้อมูล On-chain ยังสนับสนุนการเคลื่อนไหวในเชิงบวกของทั้งสองสกุลเงินดิจิทัล
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯได้ส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงและข้อมูลผู้บริโภคล่าสุดของสหรัฐฯ ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ยังคงร่วงลงต่อเนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมาแตะระดับต่ำสุดของปี ขณะที่ ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการเงินที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักของจีนก็มีส่วนทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงเช่นกัน
ธนาคารกลางจีน (PBoC) ยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ Loan Prime Rate (LPR) ไว้ และยุติการรายงานการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้นรายวัน โดยการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ยังช่วยหนุนดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา
ทางฝั่งยุโรป ยูโร (EUR/USD) เกิดการดึงกลับจากระดับสูงสุดของปี 2024 เนื่องจากความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเจ้าหน้าที่ ECB และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวในยูโรโซน
ในสหราชอาณาจักร ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP/USD) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเดือน จากความสนใจในการซื้อบ้านที่เพิ่มขึ้น และการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยล่าสุดของธนาคารกลางอังกฤษ อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐฯนั้น ยังส่งผลให้คู่เงิน GBP/USD ดึงตัวกลับจากระดับสูงสุดดังกล่าว
ในอีกทางหนึ่ง เงินเยนญี่ปุ่น (USD/JPY) ดีดตัวขึ้นเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากความระมัดระวังของตลาดและการพูดคุยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความยากลำบากของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ขณะที่ ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD/USD) พลิกกลับจากการปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก่อนหน้า แม้ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะแสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนนโยบายการเงินที่แข็งกร้าว และมีการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ระดับต่ำ
ส่วนทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD/USD) ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สามติดต่อกัน แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ แม้ข้อมูลการค้าของนิวซีแลนด์จะมีการรายงานออกมาในหลากหลายทิศทาง ในขณะที่ ดอลลาร์แคนาดา (USD/CAD) ยังคงเสถียร ท่ามกลางการฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการจากจีนและการเพิ่มขึ้นของการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ โดยราคาทองคำทรงตัวใกล้กับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ นักลงทุนกำลังรอข้อมูลใหม่จากการรายงานดัชนี PMI ที่กำลังจะมาถึงและการประชุม Jackson Hole
หลังจากช่วงเริ่มต้นสัปดาห์ที่เงียบเหงา ในวันอังคารนี้คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งวันที่คึกคักสำหรับเทรดเดอร์ โดยมีเหตุการณ์สำคัญ ได้แก่ การรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตของเยอรมนี (PPI) และข้อมูลอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนสุดท้ายสำหรับเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ ยังมีการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของแคนาดา (CPI) และแถลงการณ์จากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ
ในอีกทางหนึ่ง เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ส่งสัญญาณถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนแล้ว ดังนั้น หากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีและยูโรโซนไม่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นพิเศษ ก็อาจไม่ส่งผลกระทบต่อคู่เงินยูโร (EURUSD) อย่างมีนัยสำคัญ
ในขณะเดียวกัน การคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนกันยายน และอาจมีการปรับลดลงอีกในปี 2024 กำลังส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนในตลาดจับตามองการรายงานข้อมูลดัชนี PMI ในวันพฤหัสบดี และการประชุม Jackson Hole ในวันศุกร์นี้ โดยสกุลเงินหลักและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆอาจสามารถรักษาระดับการปรับตัวสูงขึ้นล่าสุดไว้ได้ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม คู่เงินเยน (USDJPY) ก็อาจร่วงลงอย่างยากลำบาก เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับท่าทีของธนาคารกลางญี่ปุ่นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !