USDJPY พุ่งสูงสุดในรอบเจ็ดเดือน ในขณะที่ FED คุมเข้มนโยบายการเงินแบบเข้มงวด

ธนาคารกลางสหรัฐฯประกาศการหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวที่รอคอยมานานในวันพุธที่ผ่านมานี้ แต่ตลาดยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวมากนักด้วยการหยุดชะงักของการดำเนินนโยบายการเงินที่แข็งกร้าว รวมไปถึงการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นบวกและความพร้อมของผู้กำหนดนโยบายในการประเมินรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่ละครั้ง

โดยดอลลาร์สหรัฐฯร่วงลงตามการประกาศของ Fed ก่อนที่จะพลิกกลับมาพุ่งสูงขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ เช่นเดียวกันกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ถดถอยและการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของ BoJ ได้หนุนคู่เงิน USDJPY ด้วยเหตุนี้ คู่เงินเยนจึงพุ่งขึ้นมากที่สุดในบรรดาคู่สกุลเงิน G10 ในขณะที่กลับมาพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดประจำปีได้อีกครั้ง

ในทางกลับกัน ข้อมูลการจ้างงานที่เพิ่มมากขึ้นของออสเตรเลียไม่สามารถหนุนช่วงแนวโน้มขาขึ้นของคู่เงิน AUDUSD ได้ ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ถดถอยลงและการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯในวงกว้าง อีกทางหนึ่งตัวเลข GDP ที่ตกต่ำของนิวซีแลนด์และสถิติทางเศรษฐกิจจากปักกิ่ง รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นนั้นก็ส่งผลต่อคู่เงิน NZDUSD ด้วยเช่นกัน และเป็นที่น่าสังเกตว่าคู่เงิน EURUSD และคู่เงิน USDCAD สถานการณ์ยังคงไม่มีความแน่นอน โดยพุ่งสูงขึ้นเล็กน้อยในขณะที่นักลงทุนต่างกำลังรอการตัดสินใจเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยของ ECB นอกจากนี้ ราคาทองคำร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน แต่ช่วงขาลงของราคาน้ำมันกลับชะลอตัวท่ามกลางความผันผวนในตลาด

ส่วนทางด้านคริปโตได้รับผลกระทบจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้นและความกลัวด้านกฎระเบียบ ขณะที่ BTCUSD และ ETHUSD ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนอีกครั้ง

มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:

• น้ำมันเบรนท์ (Brent) ร่วงลงเล็กน้อยที่ราวๆ $73.40
• ทองคำ (Gold) ร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบสามเดือนที่ราวๆ $1,930
• ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD INDEX) ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์ที่ราวๆ 103.20
• ตลาดหลักทรัพย์ Wall Street ปิดผสมแต่หุ้นในเอเชียแปซิฟิกพุ่งสูงขึ้น ส่วนหุ้นในสหราชอาณาจักรและยุโรป ยังคงผันผวน
• BTCUSD และ ETHUSD ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ราวๆ $24,900 และ $1,640 ตามลำดับ

การดำเนินนโยบายการเงินที่แข็งกร้าวของ Fed หนุน USD

สโลแกน "higher for longer" ของ Fed เข้ามาแทนที่การหยุดชั่วคราวในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯรวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงแข็งค่าขึ้นแม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมาถึงในปี 2025 ก็ตาม โดยปัจจัยที่หนุนเงินดอลลาร์สหรัฐฯคือความกลัวการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้าลงในจีน เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่สดใสจาก FOMC

แม้ว่ารายงานการจ้างงานของออสเตรเลียและสัญญาณเงินเฟ้อจะสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินที่ดุดันของ RBA แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ย MLF ของจีนและตัวเลขที่ลดลงจากลูกค้ารายใหญ่ที่สุดอย่างจีนของออสเตรเลียนั้นไม่สามารถหนุนช่วงแนวโน้มขาขึ้นของคู่เงิน AUDUSD ได้ นอกจากนี้คู่เงิน USDJPY ยังคงได้รับผลกระทบจากการพยายามคงการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของ BoJ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ไม่น่าประทับใจและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ราคาทองคำกำลังกระตุ้นแนวรับสำคัญและอาจจะร่วงลงสู่จุดต่ำสุดประจำปีอีกครั้งหากร่วงลงทะลุแนวรับนี้ได้ ในขณะที่ราคาน้ำมันเบรนท์มีแนวโน้มลดลงอีกท่ามกลางความกลัวเรื่องความต้องการพลังงานที่น้อยลง แม้ว่าจะมีอุปทานไม่เพียงพอก็ตาม

ส่วนทางฝั่งคริปโตยังคงอยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับกฎข้อบังคับที่ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมร่วมกับดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น

• สัญญาณซื้อแรง: USDCAD
• สัญญาณขายแรง: ETHUSD, GBPUSD, Gold
• สัญญาณซื้อ: USD Index, Nasdaq, USDJPY
• สัญญาณขาย: DAX, FTSE 100, BTCUSD, AUDUSD, EURUSD

จับตามองสัญญาณคอนเฟิร์มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนกรกฎาคมและ ECB

ในขณะที่ Fed ยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่ชัดเจน ทางฝั่งของ ECB ก็ยังไม่สั่นคลอนตลาดด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สิ่งสำคัญที่ต้องจับตามองคือยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ, ข้อมูลการผลิต และตัวเลขตำแหน่งงาน ในกรณีที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีอาจทำให้ ECB ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวด้วยท่าทีที่ดุดัน และอาจเป็นผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นได้อีกด้วย

ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !