จากการอ้างอิงข้อมูลของ FED มีการคาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอาจจะสามารถเบรคไม่ให้ราคาทองคำที่จะพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเดือนในสัปดาห์หน้าได้ ในขณะเดียวกันแม้จะมีความไม่แน่นอนที่ครอบงำตลาดการเงิน แต่ผู้เชี่ยวชาญยังคงคาดการณ์ว่าราคาโลหะมีค่าจะพุ่งขึ้นสูงเกิน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อุปสรรคสำคัญของการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในปีนี้ก็คือตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงเกินไป ซึ่งเราได้เห็นแล้วว่าราคาทองคำและโลหะเงินมีการพุ่งทะลุสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์และ 25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ
นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่าตลาดทองคำจะมีอัตราการขยายตัวสูงถึงเกือบ 2% โดยราคาโลหะเงินยังมีการพุ่งขึ้นสูงมากกว่า 3% ในช่วงสัปดาห์ที่มีการซื้อขายลดลง กล่าวได้ว่าเมื่อราคาพันธบัตรร่วงลงอย่างรวดเร็ว ก็จะเป็นการส่งผลดีต่อราคาโลหะมีค่าด้วยเช่นกัน สังเกตได้จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบ (USD ถูกพบที่แนวรับที่สำคัญ 102 จุด) ดังนั้น หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯสามารถหาโมเมนตัมได้ แนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำจะสามารถทำกำไรได้อย่างแน่นอน
ในตอนนี้ดอลลาร์สหรัฐฯพยายามสร้างแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นโดยพิจารณาได้จากกราฟรายวัน ในขณะที่ราคาทองคำยังน่าเป็นห่วง ซึ่งสถานการณ์นี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใดที่เราได้เห็นกันมาแล้วว่าเมื่อราคาโลหะมีค่าพุ่งสูงขึ้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็จะร่วงลง
จากการที่ตลาดจะปิดทำการในวันศุกร์เนื่องจากวันหยุดอีสเตอร์ ทำให้นักลงทุนกำลังจะมีวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ยาวนานต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามรายงานข้อมูลบางส่วนยังคงได้รับการเผยแพร่ รวมถึงตัวเลขรายงาน Nonfarm payroll ของเดือนมีนาคม ซึ่งจะส่งผลต่อราคาทองคำและราคาดอลลาร์ฟิวเจอร์สอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะไม่สามารถเทรดได้จนกว่าตลาดจะเปิดในวันอาทิตย์ จากการคาดการณ์บางอย่างทำให้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะมีการสร้างงานประมาณ 290,000 ตำแหน่งจากเดือนที่แล้ว เป็นผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอาจจะเข้าสู่ช่วงแนวโน้มขาขึ้นและทำให้ราคาทองคำร่วงลงได้
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!