ทิศทางของตลาดมีความผันผวนมากขึ้น ทำให้สินทรัพย์มีความเสี่ยงสูงขึ้นท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง ซึ่งวันหยุดยาวในสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสไม่มีผลต่อทิศทางของตลาดมากนัก จึงทำให้นักลงทุนสามารถเตรียมตัวสำหรับความกังวลในสัปดาห์อื่นที่จะมาถึงประกอบด้วยปัจจัยสำคัญอย่างอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
ด้วยสถานการณ์ในตลาดมีทิศทางไปทางแง่บวกเล็กน้อยและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้น้ำมันเบรนท์สามารถรักษาการดีดตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วจากระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน ในขณะที่ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้วที่ถอยจากระดับสูงสุดตลอดกาล
ในบรรดาคู่สกุลเงินหลักคู่เงิน NZDUSD กลายเป็นผู้นำในขณะนี้ ท่ามกลางสัญญาณของการดำเนินนโยบายการเงินที่ดุดันของ RBNZ เมื่อเทียบกับการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ตามมาด้วยราคาของ คู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน USDCHF เป็นลำดับต่อไป
โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าหุ้นในเอเชียยังคงเป็นบวกสืบเนื่องมาจากทิศทางของตลาดหุ้น Wall Street ไปในทางที่ดีมากขึ้น ในขณะที่คริปโตแบกรับภาระจากข่าวอุตสาหกรรมที่ดูจะไปในเชิงลบ
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
BTCUSD และ ETHUSD ร่วงลงที่ราวๆ $28,000 และ $1,850 ตามลำดับ
แม้ว่าความกลัวเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯและวิกฤตธนาคารผ่อนคลายลง ร่วมกับสถานการณ์ตลาดหุ้นในสหรัฐฯที่ดีขึ้นหนุนตลาดให้ไปทางเชิงบวกเล็กน้อยในช่วงเช้าวันจันทร์ ถึงกระนั้นก็ตามยังมีความกังวลเกี่ยวกับการหมดอายุเพดานหนี้ของสหรัฐฯในเดือนมิถุนายน และความกระวนกระวายใจทางการเมืองที่ปรากฏขึ้นก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มขาขึ้น
ด้วยสาเหตุทั้งหมดนี้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่อ่อนตัวลงและการปรับลด NFP ของสหรัฐฯ อาจจะสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯด้วยเช่นกัน
เนื่องด้วยจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯและท่าทีระมัดระวังของนักลงทุนในตลาด และความเป็นไปได้ว่าจะมีการลดอุปทานมากขึ้นเมื่อเทียบกับอุปสงค์ที่สูงขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ราคาทองคำยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในทางฝั่งคู่เงิน NZDUSD กลายเป็นผู้รับผลประโยชน์รายใหญ่ที่สุดจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์สหรัฐฯและการดำเนินนโยบายการเงินที่ดุดันของ RBNZ ในขณะที่คู่เงิน GBPUSD และคู่เงิน USDJPY ร่วงลงเมื่อเทียบกับค่าเงิน USD
ทางด้านตลาดคริปโตยังคงตกต่ำเนื่องจาก Binance หยุดการถอน Bitcoin ในขณะที่ Ethereum Foundation ได้ขาย ETH ในมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
จากความผิดหวังล่าสุดจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีอาจทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง ในขณะที่คู่เงิน NZDUSD และคู่เงิน AUDUSD มีแนวโน้มที่จะยังคงแข็งค่าขึ้น โดยคาดการณ์ว่าหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์อาจปรับตัวสูงขึ้น เว้นแต่ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะสามารถฟื้นตัวได้ รวมถึงการเจรจาเรื่องการดำเนินนโยบายการเงินที่ดุดันของ Fed นอกจากนี้ควรสังเกตว่าค่าดัชนี CPI ของสหรัฐฯและการพูดคุยเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ตลอดจนการอัปเดตการสำรวจธนาคารจะเป็นปัจจัยเร่งที่สำคัญในสัปดาห์นี้เพื่อติดตามทิศทางที่ชัดเจนของตลาดต่อไป
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !