แม้ตลาดจะยังคงมีความเสี่ยงสูงในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี แต่ยังคงรักษาความคาดหวังเชิงบวกจากวันก่อนหน้าไว้ได้ ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับลดลง ปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลกดดันดอลลาร์สหรัฐฯให้อ่อนค่าลง และผลักดันดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ขยับตัวดีขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 วัน ขณะที่ เทรดเดอร์เตรียมความพร้อมสำหรับการรายงานปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจประจำสัปดาห์นี้ นั่นคือ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯประจำเดือนพฤษภาคม
คู่เงิน EURUSD ยังคงปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเข้มงวด ในขณะเดียวกัน บรรยากาศเชิงบวกที่เกิดขึ้นใหม่ในหมู่ผู้สังเกตการณ์สถานการณ์ทางการเมืองของสหราชอาณาจักรยังช่วยให้คู่เงิน GBPUSD พุ่งสูงขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน ในอีกทางหนึ่ง คู่เงิน USDJPY ยังคงพยายามรักษาระดับการปรับตัวโดยสอดคล้องกับสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นที่ชี้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) จะทยอยลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลง
ส่วนทางด้านคู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD ต่างปรับตัวสอดคล้องกับสภาวะการพร้อมรับความเสี่ยงของตลาด และได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ราคาสามารถพลิกกลับจากการร่วงลงในวันก่อนหน้าได้ อย่างไรก็ตาม คู่เงิน USDCAD ร่วงลงท่ามกลางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นและดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง โดยไม่ตอบสนองต่อสัญญาณความพร้อมของธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
โดยราคาน้ำมันดิบรักษาระดับการฟื้นตัวของวันก่อนหน้าจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางโอกาสที่เพิ่มสูงขึ้นว่า Fed อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ปัจจัยที่สนับสนุนช่วงขาขึ้นของราคาทองคำอีกประการหนึ่งก็คือ ความคาดหวังเชิงบวกของทางฝั่งนักลงทุนหุ้น ข่าวสารทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีการรายงานในหลากหลายทิศทาง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลดลง
เมื่อพูดถึงสกุลเงินดิจิทัล BTCUSD และ ETHUSD ยุติการปรับตัวขึ้นจากช่วงก่อนหน้า ท่ามกลางสัญญาณเชิงลบล่าสุดสำหรับตลาดคริปโตเคอร์เรนซี โดยสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) กล่าวถึงการเลื่อนการเปิดตัว ETH ETF ในขณะเดียวกัน ข้อมูลรั่วไหลที่คาดว่าเกิดขึ้นในฐานข้อมูลของบริษัทผู้ให้บริการอีเมลรายใหญ่กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของแรงเทซื้อ Bitcoin และ Ethereum
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ปิดตลาดวันก่อนหน้าด้วยการพุ่งสูงขึ้นรายวันสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการสหรัฐฯ (ISM Services PMI) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน ขณะที่ตัวเลขการรายงานครั้งสุดท้ายของดัชนี Composite PMI ของ S&P Global ก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐฯไม่ตอบสนองต่อตัวเลขการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคเอกชน (ADP) ของสหรัฐฯที่ถดถอยลง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเบื้องต้นก่อนการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ (NFP) ในวันศุกร์ รวมไปถึงเพิกเฉยต่อสภาวะตลาดที่เอื้อต่อความเสี่ยงอีกด้วย
แม้ดัชนี PMI ของสหรัฐฯเมื่อวานนี้จะปรับตัวสูงขึ้น แต่สัญญาณเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงล่าสุด ประกอบกับและความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในการโน้มน้าวฝ่ายสนับสนุนนโยบายการเงินที่เข้มงวด ยังช่วยหนุนโอกาสที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน พฤศจิกายน และธันวาคม 2024 โดยปัจจัยดังกล่าว เมื่อร่วมกับการพักฐานของตลาดก่อนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ (NFP) ยังช่วยอธิบายการอ่อนค่าลงล่าสุดของดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกเหนือไปจากการเตรียมตัวสำหรับการรายงานข้อมูลและกิจกรรมสำคัญในสัปดาห์นี้ของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ข่าวที่ส่งผลต่อความเสี่ยงเชิงบวกจากสหรัฐฯยังช่วยให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯชะลอตัวจากการแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ Gina Raimondo กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตามการรายงานของรอยเตอร์สว่า บริษัท PE (private equity) อย่าง KKR และ Global Infrastructure Partners (GIP) รวมถึงกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิกที่เพิ่งก่อตั้งกำลังร่วมมือกันลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มูลค่า 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้วยเหตุนี้ คู่เงิน EURUSD จึงยุติการร่วงลงสองวันติดต่อกัน โดยคาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลง หลังจากประกาศอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลดลง 0.25% ระหว่างการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ นอกจากนี้ การปรับตัวที่ดีขึ้นของดัชนีคำสั่งซื้อโรงงานของเยอรมนีและดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนเมษายน ยังช่วยให้ยูโรขยับตัวสูงขึ้นเพื่อรับมือกับการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางยุโรปได้ดีขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม คู่เงิน GBPUSD ยังเพิกเฉยต่อการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐฯในวันก่อนหน้า โดยล่าสุดยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องสองวันติดต่อกัน หลังจากดัชนี Composite PMI ของสหราชอาณาจักรประจำเดือนพฤษภาคมปรับตัวดีขึ้นในการรายงานครั้งสุดท้าย ถึงแม้จะไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญใดๆ แต่ความคาดหวังล่าสุดเกี่ยวกับชัยชนะของพรรคอนุรักษ์นิยมในการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ และทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ก็ยังคงช่วยให้เงินปอนด์สเตอร์ลิงแข็งค่าขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงประกอบกับโอกาสที่เพิ่มมากขึ้นที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังส่งผลให้คู่เงิน AUDUSD พุ่งขึ้นเป็นอันดับสองรองจากคู่เงิน USDCHF ในบรรดาคู่สกุลเงิน G10 นอกจากนี้ ข้อมูลดุลการค้าของออสเตรเลียประจำเดือนพฤษภาคมที่มีทิศทางเป็นบวก ยังช่วยหนุนคู่เงินออสซี่อีกด้วย เช่นเดียวกันกับคู่เงิน NZDUSD ที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ANZ ของนิวซีแลนด์ประจำเดือนพฤษภาคมที่ปรับตัวดีขึ้น
ในทางกลับกัน คู่เงิน USDCAD ร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วัน ท่ามกลางราคาน้ำมันดิบซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของแคนาดาปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลให้คู่เงิน Loonie ชะลอตัวจากการพุ่งสูงขึ้นก่อนหน้านี้ที่ได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแคนาดา (BoC) โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ธนาคารกลางแคนาดาประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 3.5 ปี และแสดงความพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2024
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) Kazuo Ueda ยืนยันการลดการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางญี่ปุ่น โดยอ้างถึงการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความพร้อมของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่จะยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่และประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหากจำเป็น ซึ่งส่งผลกระทบต่อช่วงแนวโน้มขาขึ้นของคู่เงิน USDJPY ท่ามกลางการดึงกลับของดอลลาร์สหรัฐฯและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯที่ซบเซา โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) ที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงเริ่มการซื้อขายทางฝั่งภูมิภาคเอเชียในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี หลังจากการประมูลที่แข็งแกร่ง ยังสร้างแรงกดดันด้านลบต่อคู่เงินเยนด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม Toyoaki Nakamura สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ได้ออกมาปกป้องกรอบนโยบายการเงินปัจจุบันของธนาคารกลางญี่ปุ่น โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้ออาจจะไม่แตะถึงระดับ 2% ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2025 เป็นต้นไป หากการบริโภคอ่อนแอลง ซึ่งจะช่วยพยุงคู่เงิน USDJPY ก่อนเข้าสู่ช่วงการซื้อขายทางฝั่งยุโรป
ในอีกทางหนึ่ง ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรงที่สุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์เมื่อวันก่อนหน้า ขณะที่ยุติการร่วงลง 5 วันติดต่อกันและดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน การฟื้นตัวของราคาทองคำดำนี้อาจเชื่อมโยงกับความคาดหวังของตลาดและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลง รวมถึงปริมาณสำรองน้ำมันดิบในคลังของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่รายงานโดยภาคอุตสาหกรรม
ในขณะเดียวกัน ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างโดดเด่นสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อ่อนตัวลง แม้จะไม่ตอบสนองต่อความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐฯในวันก่อนหน้าก็ตาม ซึ่งส่งผลให้ราคาฟื้นตัวขึ้นในวันพุธที่ผ่านมา โดยทองคำยังคงรักษาระดับการปรับตัวขึ้นจากวันก่อนหน้า ขณะที่ยังได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี ประกอบกับความตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงการคาดการณ์ล่าสุดที่ชี้ว่า Fed อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนและอีกสองครั้งในปี 2024
แม้ว่ายอดค้าปลีกของยูโรโซนและข้อมูลสถิติการจ้างงานและการค้าของสหรัฐฯ จะมีกำหนดการเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีนี้ แต่ความสนใจหลักจะยังคงอยู่ที่การประกาศผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
แม้ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะค่อนข้างมีความเป็นไปได้แน่นอนว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งส่งผลให้คู่เงิน EURUSD ปรับลดลง แต่หากมีท่าทีสนับสนุนนโยบายการเงินที่แข็งกร้าวในแถลงการณ์หรือการแถลงข่าวของ Christine Lagarde ประธาน ECB ที่บ่งชี้ถึงการเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปออกไปอีก สิ่งนี้อาจส่งผลให้คู่เงินยูโรปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง นอกเหนือไปจากสัญญาณจากธนาคารกลางยุโรปแล้ว ตัวเลขที่น่าผิดหวังของจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ, ดุลการค้า, การผลิตนอกภาคเกษตรกรรม และต้นทุนแรงงานต่อหน่วย ยังส่งผลต่อทิศทางของคู่เงิน EURUSD ด้วยเช่นกัน และอาจส่งผลดีต่อแรงเทซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดกำลังคาดการณ์ว่า Fed จะมีท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงินที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯและผลตอบแทนพันธบัตรที่อ่อนแอ ประกอบกับความคาดหวังเชิงบวกในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอาจทำให้แรงเทซื้อทองคำคาดการณ์ถึงการพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องของราคาไปยังที่ระดับ $2,400 อีกครั้ง
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !