GBPUSD อ่อนค่าลงหลังจากดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ท่ามกลางการจับตามองข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ

นักลงทุนในตลาดยังคงมีท่าทีระมัดระวังในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงสัญญาณที่หลากหลายจากจีนและเบาะแสเกี่ยวกับนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้บรรยากาศการลงทุนตึงเครียดอีกอย่างคือ ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐฯและเยอรมนีที่จะมีการรายงานในวันนี้

อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯสามารถรักษาการฟื้นตัวในช่วงต้นปีไว้ได้ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น และรายงานการประชุมของ FOMC ที่ขาดสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ขณะที่ตำแหน่งงานว่างของ US JOLTS ที่ลดต่ำลงไม่ส่งผลต่อดอลลาร์สหรัฐฯมากนัก

ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำยังคงถูกกดดันอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ อีกทางด้านหนึ่งราคาน้ำมันดิบกลับปรับตัวขึ้นรับข่าวการลดลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯและข้อมูลดัชนีค่า PMI ของจีน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้น Wall Street ปิดตัวลงในแดนลบเป็นวันที่สองติดต่อกัน ในขณะที่หุ้นในฝั่งเอเชียแปซิฟิกปรับตัวลดลงเช่นกัน

ในอีกทางหนึ่ง คู่เงิน EURUSD,คู่เงิน USDJPY และคู่เงิน AUDUSD ได้รับผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ในขณะที่ คู่เงิน GBPUSD ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบหลายวันก่อนที่จะขาดโมเมนตัมขาขึ้น

ทั้งนี้ BTCUSD ร่วงลงมากที่สุดในรอบสามสัปดาห์ ในขณะที่ ETHUSD ถือเป็นการร่วงลงที่หนักที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม เนื่องจากสำนักงาน ก.ล.ต.ของสหรัฐฯเตรียมที่จะพูดคุยกับผู้เล่นในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับข้อคิดเห็นที่เกี่ยวกับ spot ETF

มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:

• น้ำมันเบรนท์ (Brent) ขยายการฟื้นตัวของวันก่อนหน้าจากระดับต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์เป็น $79.00
• ทองคำ (Gold) พุ่งสูงขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 วัน โดยเพิ่มขึ้น 0.30% ระหว่างวันที่ราวๆ $2,048
• ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD INDEX) พยายามรักษาระดับการฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม โดยมีราคาเสนอขายเป็นบวกเล็กน้อยที่ 102.30
• ตลาดหลักทรัพย์ Wall Street ปิดลบเช่นเดียวกับ หุ้นในโซนเอเชียแปซิฟิก ส่วน หุ้นในยุโรปและสหราชอาณาจักร มีราคาเสนอซื้อเป็นบวกเล็กน้อย
• BTCUSD และ ETHUSD ยังคงได้รับแรงกดดันที่ประมาณ $42,850 และ $2,220 ตามลำดับ หลังจากมีการร่วงลงอย่างหนักในวันก่อนหน้า

ตลาดและข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯขยับตัวสูงขึ้น…

แม้ว่ารายงานการประชุมของ Fed จะไม่สามารถรักษาการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดและข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่มีการรายงานออกมาในหลากหลายทิศทาง แต่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และข้อมูล/การอัปเดตที่ไม่น่าประทับใจนักจากเขตเศรษฐกิจอื่นๆของโลกยังส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ตามรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด ผู้กำหนดนโยบายได้มีการอ้างถึงการบรรเทาความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินที่ “เข้มงวดมากเกินไป” อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่า ผู้มีอำนาจตัดสินใจบางคนยังชอบที่จะรักษาอัตราดอกเบี้ยให้คงที่และคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะ “ลงจอดอย่างนุ่มนวล (soft landing)” นอกจากนี้ Thomas Barkin ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯแห่งริชมอนด์ ยังส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันในช่วงเช้าวันพุธ โดยมีท่าทีที่หนุนช่วงแนวโน้มขาขึ้นดอลลาร์สหรัฐฯในขณะที่กล่าวว่า “เรากำลัง ‘ก้าวหน้าอย่างแท้จริง’ ในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ในขณะที่เศรษฐกิจยังคงเป็นไปด้วยดี”

เมื่อพูดถึงการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตัวเลขค่าดัชนี ISM Manufacturing PMI ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเป็น 47.4 ในเดือนธันวาคมจากการคาดการณ์ของตลาดก่อนหน้าที่ 46.7 และ 47.1 อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งงานว่างของ US JOLTS ลดลงเหลือ 8.79M เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ที่ 8.852M และประมาณการของตลาดที่ 8.85M

อีกทางด้านหนึ่ง ตัวเลขค่าดัชนี Caixin Services PMI ของจีนปรับตัวดีขึ้นเป็น 52.9 ในเดือนธันวาคม จากตัวเลขในเดือนพฤศจิกายนที่ 51.5 และยังเหนือกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 51.6 ถึงกระนั้น Fitch ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดอันดับระดับโลกได้ปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติจีน (AMC) สี่แห่ง และวางอันดับเครดิตติดลบสามแห่ง ซึ่งทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ของประเทศจีนอีกครั้ง และท้าทายความเชื่อมั่นของตลาดอีกด้วย

ในอีกทางหนึ่ง สำนักข่าว Kitco News ได้รายงานตัวเลขจากโรงกษาปณ์อังกฤษเพื่ออ้างถึงความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2023 ในขณะที่เน้นย้ำถึงความหวังที่จะได้เห็นการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากธนาคารกลางหลักๆ โดย "ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024 กำลังกระตุ้นตลาดทองคำและโลหะมีค่า เนื่องจากความคาดหวังที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลงได้กระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทน (non-yielding assets)"

นอกเหนือไปจากปัญหาเศรษฐกิจในจีนและความหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักๆมากขึ้น การพูดคุยเรื่องการโจมตีฐานฮูตีของสหรัฐฯในเยเมนยังมีส่วนทำให้เกิดสภาวะการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และช่วยพยุงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปี 2024 ก็ตาม

นอกจากนี้ Kazuo Ueda ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังได้ออกมากล่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้นสามารถรักษาสมดุลระหว่างการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งในทางกลับกัน ยังช่วยลดความกังวลที่ BOJ จะออกจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ

อีกทั้ง หอการค้าอังกฤษ (BCC) ได้เปิดเผยรายละเอียดการสำรวจที่ชี้ให้เห็นว่า บริษัทในสหราชอาณาจักรมีความลังเลที่จะลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ซึ่งผลการสำรวจดังกล่าวคล้ายกับผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้กำกับดูแลธุรกิจ (IoD) ของสหราชอาณาจักรที่เผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผลการสำรวจดังกล่าวกระตุ้นแรงเทซื้อ GBPUSD ก่อนการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา

อีกทางด้านหนึ่ง การลดลงอย่างมากของสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯตามข้อมูลสำรวจของ American Petroleum Institute (API) ร่วมกับความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์และข้อมูลดัชนี Caixin PMI ของจีนที่มีทิศทางเป็นบวกได้กระตุ้นการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบจากระดับต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์ โดยล่าสุดมีราคาเสนอซื้อเป็นบวกเล็กน้อย

• สัญญาณซื้อแรง: USDCAD, USDJPY
• สัญญาณขายแรง: Crude Oil, US Dollar, GBPUSD
• สัญญาณซื้อ: BTCUSD, ETHUSD, Nasdaq, Gold
• สัญญาณขาย: DAX, FTSE 100, BTCUSD, AUDUSD, EURUSD

จับตามองตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ...

จากนี้ไป สัญญาณเริ่มต้นสำหรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (NFP) ประจำเดือนธันวาคม ซึ่งก็คือตัวเลขจ้างงานของ ADP จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดสำหรับทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดระหว่างวัน สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือการรายงานสุดท้ายของตัวเลขค่าดัชนี PMI ภาคบริการของสหราชอาณาจักร และการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อของเยอรมนีเป็นครั้งแรก รวมไปถึงการขอรับสวัสดิการว่างงานเบื้องต้นของสหรัฐฯ และค่าดัชนี PMI ของ S&P Global Services โดยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่จะประกาศในวันศุกร์จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดเพื่อคาดการณ์สถานการณ์ของตลาดแรงงานและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯในกรณีที่ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้และข้อมูลเศรษฐกิจของในประเทศอื่นๆถดถอยลง โดยเฉพาะหากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯไม่มีทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจนเกินไป

ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !