ความเชื่อมั่นในตลาดอยู่ในสภาวะระมัดระวังในวันอังคารนี้ หลังจากผ่านวันจันทร์ที่เงียบเหงา ขณะที่ เทรดเดอร์ต่างกำลังจับตามองการประกาศข้อมูลและเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยการที่ตัวเลขอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯปรับลดลง และดึงให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนตัวลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นต่อการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 ของ Kamala Harris ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์ยังคงเผชิญแรงกดดันก่อนการประกาศดัชนี PMI ภาคบริการ ISM ,การเลือกตั้งในวันนี้ และการประชุมนโยบายของ Fed ซึ่งปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ยังคงไม่มีทิศทางที่ชัดเจน แม้ตัวเลขยอดคำสั่งซื้อโรงงานในเดือนกันยายนจะคงที่ และข้อมูลการจ้างงานในเดือนตุลาคมมีแนวโน้มที่ดีขึ้นก็ตาม
ในอีกทางหนึ่ง ดัชนี PMI ภาคบริการ Caixin ของจีนที่มีทิศทางเป็นบวก และการรายงานข่าวว่าปักกิ่งกำลังพิจารณาเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น รวมถึงการกลับมาของตลาดญี่ปุ่นหลังจากช่วงวันหยุดยาว ล้วนช่วยผ่อนคลายบรรยากาศการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในตลาด นอกจากนี้ ความคิดเห็นของนายกรัฐมนตรี Li Qiang ของจีนที่ยืนยันว่า รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างแข็งแกร่ง ยังสร้างความมั่นใจเชิงบวกให้กับนักลงทุนในเอเชียอีกด้วย
การอ่อนค่าลงล่าสุดของดอลลาร์สหรัฐฯยังไม่สามารถดึงดูดแรงเทซื้อคู่เงิน EURUSD ได้มากนัก เนื่องจากนักลงทุนกำลังจับตามองแถลงการณ์ของประธาน ECB Christine Lagarde และการรายงานเหตุการณ์สำคัญในสหรัฐฯ คู่เงินนี้ปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ และดัชนี PMI ของสหภาพยุโรป/เยอรมนีที่แข็งแกร่ง ประกอบกับข้อมูลความเชื่อมั่นนักลงทุนในยูโรโซนที่มีทิศทางดีขึ้น ล่าสุดท่าทีจากเจ้าหน้าที่ ECB ยังลดความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ลง ในขณะที่ข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเชิงบวกช่วยให้คู่เงิน EURUSD สามารถฟื้นตัวขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
คู่เงิน GBPUSD ประสบปัญหาในการพยายามรักษาระดับการฟื้นตัวที่ดำเนินมาสองวัน โดยได้รับผลกระทบจากตัวเลขยอดขายของสมาคมค้าปลีกอังกฤษ (BRC) ที่ต่ำสุดในรอบสามเดือน และความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแผนการคลังของสหราชอาณาจักร ความไม่แน่นอนนี้ยังเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษต้องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานออกมาในหลากหลายทิศทาง
คู่เงิน USDJPY ฟื้นตัวจากการดึงกลับของระดับราคาในช่วงต้นสัปดาห์ โดยดีดตัวจากแนวรับที่เส้น 200-SMA ขณะที่นักเทรดชาวญี่ปุ่นกลับมาเคลื่อนไหวหลังจากช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ซึ่งการฟื้นตัวของคู่เงินเยนยังได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับความสามารถของธนาคารกลางญี่ปุ่นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภายใต้ความเป็นไปได้ที่จะมีรัฐบาลผสมสามพรรค
สกุลเงินกลุ่ม Antipodean เผชิญแรงกดดัน เนื่องจากแนวโน้มตลาดที่มีการซื้อขายอย่างระมัดระวัง และความกังขาในความสามารถของจีนในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่ยังคงมีอยู่กับสหรัฐฯและยุโรป
คู่เงิน AUDUSD กำลังเผชิญกับความยากลำบากในการรักษาระดับการฟื้นตัวที่เกิดขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ แม้ว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ และผู้ว่าการธนาคาร Michelle Bullock จะสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงขึ้น และการประกาศดัชนี PMI ภาคบริการ Caixin ของจีนที่แตะระดับสูงสุดในรอบสามเดือน
คู่เงิน NZDUSD ยังคงปรับลดลงเนื่องจากผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) Adrian Orr แสดงความกังวลว่าสภาพเศรษฐกิจจริงจะยังคงถดถอยหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
คู่เงิน USDCAD ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน แม้ว่าราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของแคนาดา จะปรับตัวลดลง และมีแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากธนาคารกลางแคนาดา (BoC)
ในอีกทางหนึ่ง ราคาน้ำมันดิบพยายามฟื้นตัวที่ระดับสูงสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์ ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ผันผวนของตลาด โดยราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์หลังจาก OPEC+ ขยายการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ และ Haitham Al Ghais เลขาธิการ OPEC ได้มีการคาดการณ์เชิงบวกเกี่ยวกับอุปสงค์ในตลาด อย่างไรก็ตาม อุปทานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากลิเบีย ยังคงเป็นปัจจัยที่ท้าทายแรงเทซื้อน้ำมันในระยะนี้
ทั้งนี้ ราคาทองคำพลิกกลับจากการปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ นักลงทุนกำลังรอการรายงานข้อมูลสำคัญของสหรัฐฯ ,สถานการณ์การเลือกตั้ง และการประชุมคณะกรรมการ FOMC แม้ว่าราคาทองคำจะยุติการร่วงลงติดต่อกันสองวัน แต่ราคายังคงปรับลดลงเล็กน้อย เนื่องจากเทศกาลในอินเดียที่สิ้นสุดลง และความเชื่อมั่นเชิงบวกในจีนที่เริ่มลดลง
Bitcoin (BTCUSD) ยุติการปรับตัวลงต่อเนื่องหกวัน ขณะที่ Ethereum (ETHUSD) ปรับตัวสูงขึ้นครั้งแรกในรอบหกวัน โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF อย่างหนาแน่นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดตลาดสกุลเงินดิจิทัลยังได้รับการสนับสนุนจากความคาดหวังผลกระทบเชิงบวกที่จะมีต่ออุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี หาก Donald Trump สามารถชนะการเลือกตั้งได้ในครั้งนี้
การเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐฯจะเป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิด โดย ณ ขณะนี้ Donald Trump และ Kamala Harris ยังคงมีคะแนนนิยมที่สูสีกันจากการสำรวจ ถึงแม้ว่า Harris จะมีคะแนนนำอยู่เล็กน้อยก็ตาม ความไม่แน่นอนนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้การนับผลคะแนนการเลือกตั้งเกิดความล่าช้า และอาจส่งผลให้เกิดบรรยากาศการซื้อขายในหมู่นักเทรดที่ยังมีความระมัดระวัง และทำให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น อย่างเช่น ทองคำ ฟรังก์สวิส (CHF) และเยนญี่ปุ่น (JPY) โดยชัยชนะของทรัมป์อาจส่งผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯในระยะสั้น เนื่องจากนโยบายเชิงรุกของเขา ในขณะที่หากพรรคเดโมแครตได้ดำรงตำแหน่งต่อ ค่าเงินดอลลาร์อาจฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลกดดันต่อราคาทองคำ ราคาน้ำมันดิบ และสกุลเงินหลัก เช่น ยูโร (EUR) และปอนด์อังกฤษ (GBP)
นอกเหนือไปจากความตื่นเต้นของการเลือกตั้งแล้ว การรายงานข้อมูลดัชนี PMI ภาคบริการ ISM ของสหรัฐฯในวันอังคาร และการประกาศนโยบายการเงินของ Fed ในวันพฤหัสบดีจะได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิดเช่นกัน โดยข้อมูลรายงานการจ้างงานล่าสุดของสหรัฐฯที่ปรับลดลงและการคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed นั้น อาจส่งผลให้ตัวเลขดัชนี PMI ที่ปรับตัวลงยิ่งกดดันค่าเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพรรครีพับลิกันเข้ามาควบคุมเศรษฐกิจท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!