แนะนำการเทรดหุ้นแบบพื้นฐานสำหรับมือใหม่หัดเทรด

ในปัจจุบัน การลงทุนในหุ้นเป็นวิธีการลงทุนที่ได้รับความนิยมและให้ผลกำไรแก่นักลงทุนอย่างมาก หากใครที่ได้บังเอิญลงทุนในดัชนี S&P ไว้จำนวน 10,000 ดอลลาร์เมื่อประมาณ 40-50 ปีที่แล้ว ตอนนี้อาจได้รับเงินประมาณ 1.2 ล้านดอลลาร์แล้วก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มีสิ่งสำคัญหลายอย่างที่จะต้องทำความเข้าใจและมีพื้นฐานการลงทุนในหุ้นที่ท่านต้องเรียนรู้ให้ดีเสียก่อน ไม่อย่างงั้นวิธีการลงทุนที่น่าเชื่อถือที่สุดก็อาจนำท่านไปสู่ความล้มเหลวและขาดทุนได้เช่นกัน

วันนี้ เราจะมาแบ่งปันสิ่งสำคัญที่ท่านควรรู้ก่อนเริ่มลงทุนในตลาดหุ้น รวมถึงพูดคุยกันว่าหุ้นประเภทไหนที่ดีต่อการลงทุนของท่าน แล้วจะมีวิธีจัดการเงินทุนและจัดการกองทุนอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย

1. กำหนดวิธีในการเทรดหุ้น

หากเคยศึกษามาบ้างแล้ว จะเห็นว่าหนังสือหรือคู่มือเทรดหุ้นทุกเล่มสำหรับมือใหม่มักจะเริ่มต้นด้วยการกำหนดแนวทางในการเทรด ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่นักเทรดควรตั้งคำถามว่าเราจะเทรดหุ้นด้วยวิธีแบบไหน เราเหมาะกับลักษณะการเทรดแบบใด เพื่อให้สามารถปรับรูปแบบการเทรดได้ต่อไป:

1. ฉันรักการอยู่กับตัวเลข ฉันเป็นนักวิเคราะห์ และสนุกกับการวิจัยศึกษา
2. ฉันเกลียดตัวเลข คณิตศาสตร์ และการคำนวณ ฉันไม่รู้สึกอยากเรียนรู้มากมายนัก แต่ก็อยากเทรดหุ้น
3. ฉันมีเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวันในการเทรดหุ้น
4. ฉันชอบศึกษาข้อมูลว่าบริษัทต่างๆ มีการทำงานและผลประกอบการเป็นอย่างไร
5. ฉันแค่อยากสร้างกำไรโดยไม่ต้องศึกษาแบบละเอียด

หากท่านยังมีพฤติกรรมเหล่านี้แค่บางส่วนหรือไม่มีเลยก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะประสบความสำเร็จไม่ได้ ทุกคนสามารถลงทุนในหุ้นและประสบความสำเร็จหรืออาจแพ้ก็ได้เช่นกัน มันขึ้นอยู่กับแนวทาง และแผนการเทรดที่ท่านได้พัฒนา รวมถึงประเภทของหุ้นที่ท่านเลือกลงทุน ยิ่งไปกว่านั้นแพลตฟอร์มการเทรดก็มีส่วนสำคัญ อย่างระบบ Copy Trade ที่ช่วยให้ท่านลงทุนในหุ้นได้แม้ไม่มีประสบการณ์มาก่อน เพียงคัดลอกการเทรดของมืออาชีพที่ทุ่มเทและแบ่งปันผลกำไรให้กับท่าน

วิธีนำแนวทางการเทรดมาปรับใช้

มีหลายวิธีที่ท่านสามารถนำแนวทางการเทรดมาใช้ ขึ้นอยู่กับลักษณะการเทรดของท่านเอง โดยท่านอาจเลือกรูปแบบการลงทุนหุ้น ดังนี้:

• หุ้นรายตัว (Individual Stock) วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีเวลาเพียงพอในการศึกษาข้อมูลหุ้น เพราะท่านจะต้องมีชุดเครื่องมือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน โดยการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวต้องอาศัยความเข้าใจ ความอดทน และมีวินัย ซึ่งไม่ได้เพียงแค่เข้าใจตัวเลข การคำนวณ หรือการวิเคราะห์เท่านั้น แต่จะต้องพร้อมที่จะจัดการกับรายงานรายได้รายไตรมาสและการคำนวณเพื่อดูว่าบริษัทหรือตลาดเป็นอย่างไร
• กองทุนรวมดัชนี (Index Fund) อีกหนึ่งวิธีคือการลงทุนในดัชนี อาทิ S&P 500 ซึ่งประกอบด้วยรายชื่อบริษัทที่ประสบความสำเร็จและมีผลงานที่โดดเด่น โดยอาศัยวิธีจัดการกองทุนและเพิ่มรายได้แบบ passive income สิ่งที่ท่านต้องทำก็เพียงแค่เลือกผู้ออกหุ้น ซื้อสินทรัพย์ และรอให้ผู้ออกหุ้นทำกำไรให้ท่าน ส่วนใหญ่ผลตอบแทนที่ได้จะอยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปี
• หุ่นยนต์ช่วยเทรด (Trading Robot) หรือที่เรียกว่า Robot-advisor เป็นหุ่นยนต์ช่วยเทรดที่มาพร้อมซอฟต์แวร์ที่ช่วยลงทุนหุ้นโดยอัตโนมัติ โบรกเกอร์ที่บริการซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติจะทำทุกอย่างให้นักเทรด ขณะที่ท่านก็ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การซื้อขายและทำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นได้ด้วยตัวเอง

ดังที่กล่าวไปข้างต้น มีวิธีที่หลากหลายในการลงทุนหุ้นสำหรับมือใหม่ ทุกท่านสามารถค้นหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดได้แม้จะยังไม่เคยมีประสบการณ์หรือความรู้ด้านการเทรดมาก่อนก็ตาม

2. ใช้เงินทุนประกอบการตัดสินใจ

หลังกำหนดแนวทางการเทรดได้แล้ว นักเทรดจะต้องตัดสินใจว่าจะเริ่มลงทุนเท่าไหร่ ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนกล่าวว่าตลาดหุ้นไม่ใช่วิธีการลงทุนที่ดีที่สุดหากท่านอาจต้องการใช้เงินนั้นๆ ภายใน 4 หรือ 5 ปีข้างหน้า

ตลาดการเงินมักมาพร้อมกับความไม่แน่นอน อีกทั้งสถานการณ์ต่างๆ อาจเปลี่ยนแปลงไปจากที่คิด ทำให้ยากต่อการคาดเดาว่าราคาจะเป็นอย่างไรต่อไป เช่น ตลาดมีโอกาสร่วงลง 40% ในระหว่างการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้เกิดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินหรือขาดทุน ดังนั้น โปรดพิจารณาให้มั่นใจว่าท่านมีเงินสำรองเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

โดยสิ่งที่ท่านควรวางแผน มีดังนี้:

• เงินสดฉุกเฉินสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
• เงินสำหรับค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็น
• เงินสำหรับท่องเที่ยว, ค่าซ่อมต่างๆ และค่ารักษาพยาบาล

3. เปิดบัญชี แล้วเริ่มลงทุน!

เอาล่ะ เมื่อท่านพร้อมแล้ว เลือกโบรกเกอร์และเปิดบัญชีที่จะใช้สำหรับการลงทุนหุ้น โดยในช่วงเริ่มต้น ท่านควรลงทุนในสินทรัพย์และหุ้นที่ออกโดยบริษัทที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็แล้วแต่ ไม่ได้หมายความว่าท่านจะต้องใช้เงินทุนทั้งหมดไปลงทุนหุ้นบลูชิพ เนื่องจากหุ้นหลายๆ ตัวในกลุ่มบลูชิพก็อาจทำให้ท่านขาดทุนได้เช่นกัน โปรดศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้งนะคะ

วิธีที่ดีที่สุดคือการเลือกสินทรัพย์ที่อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม และเลือกถือหุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจไปได้สวย และที่สำคัญอย่าลืมหมั่นตรวจสอบความผันผวนที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์การลงทุนในระยะยาวอยู่เสมอล่ะ!

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน