ตลาด Forex มักมีความผันผวนตลอดเวลา จู่ๆ ราคาจะขึ้นหรือลงเมื่อไหร่ก็เดียว เช่นเดียวกับตราสารและสินทรัพย์อื่นๆ อย่างไรก็แล้วแต่ นักเทรดที่ศึกษาและติดตามการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคอยู่ตลอดเวลาจะมองภาพว่าตลาดมีวัฏจักรของมัน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากความเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด
วัฏจักรตลาด (Market cycle) เป็นสิ่งสำคัญที่นักเทรดต้องเฝ้าติดตาม เพื่อคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดต่อไป โดยในบทความนี้ เราจะอธิบายทุกขั้นประเด็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวตามวัฏจักรของตลาด พร้อมทั้งสาเหตุที่ขับเคลื่อนตลาด ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!
Cycle ของตลาดแบ่งออกเป็น 4 ระยะหลักๆ ดังนี้:
วัฏจักรตลาดมีความคล้ายคลึงกับวัฏจักรของธุรกิจมากๆ และมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย มาดูรายละเอียดในแต่ละช่วงของวัฏจักรตลาดกันดีกว่า:
ในจัวหวะที่เศรษฐกิจเติบโตขึ้น ตลาดก็ขยายตัวเช่นกัน ทำให้เราสังเกตเห็นสถานการณ์ว่าราคาส่วนใหญ่จะมีการปรับตัวขึ้น โดยอาจต้องใช้เวลานานหลายปีเพื่อให้ราคาเพิ่มขึ้นสะสมไปเรื่อยๆ
เมื่อแรงซื้อถึงจุดสูงสุด เราอาจเห็นระยะที่เรียกว่า Markup หรือจังหวะที่นักลงทุนเริ่มไม่สนใจซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงอีกต่อไป เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระยะการหดตัว (Distribution) ในไม่ช้า
ระยะต่อมาเป็นจังหวะที่ตลาดปรับตัวลง หรือที่เรียกว่าสภาวะตลาดถดถอย ซึ่งอาจนำไปสู่ขั้นตอนสุดท้ายของวัฏจักรตลาดในที่สุด
ในระยะนี้ ตลาดจะร่วงลงสู่จุดต่ำสุด ก่อนจะเริ่มวัฏจักรใหม่และเปลี่ยนไปสู่ระยะสะสมหรือขยายตัวต่อไป
วัฏจักรของตลาดถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเลขทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็น:
เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ตลาดจะมีการปรับตัวขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจมีการเติบโตตาม อย่างไรก็แล้วแต่ การเติบโตของอัตราเงินเฟ้อจะเป็นสัญญาณของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวและอาจเข้าสู่สภาวะถดถอยในที่สุด
นอกจากนี้ นักลงทุนอาจพิจารณาความเชื่อมั่นของตลาดเพื่อนำมาระยะของวัฏจักรตลาดได้เช่นกัน โดยนักเทรดจะต้องระบุให้ได้ว่าช่วงเวลานั้นๆ เป็นจังหวะที่นักลงทุนแย่งชิงเพื่อซื้อสินทรัพย์ หรือเป็นจังหวะที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการลงทุนมากขึ้น
การจะลงทุนให้สำเร็จ นักเทรดจะต้องมีกลยุทธ์ Forex ที่ใช้ได้ผลจริงในสภาวะตลาดหลายๆ แบบ ที่สำคัญ นักเทรดจะต้องมีเทคนิคการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา ขณะที่นักเทรดผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเลือกใช้ทฤษฎี Elliot wave นักเทรดบางกลุ่มอาจใช้เครื่องมือบนโปรแกรม MT4 ในการคาดการณ์ตลาดและหาจุดสูงสุดและต่ำสุดแทน
หลักการสำคัญคือการทำตามแนวคิดที่ว่า "ทุกการกระทำนำไปสู่ปฏิกิริยาที่ตรงกันข้ามหรือเท่าเดิม" พูดง่ายๆ คือหากมูลค่าสินทรัพย์ลดลงหรือเพิ่มขึ้น ความเคลื่อนไหวต่อไปที่จะเกิดขึ้นอาจเป็นทิศทางตรงข้าม
ความยาวนานของวัฏจักรตลาดแต่ละรอบนั้นอาจไม่ต่างกันมาก แต่ก็ไม่ได้จำเป็นต้องมีระยะเวลาเท่ากันเสมอไปป อย่างไรก็ตาม ระยะแรกจะมีช่วงเวลาเฉลี่ยที่ 1/6 ของระยะวัฏจักรทั้งหมด แต่ประเด็นสำคัญคือเมื่อวัฏจักรสิ้นสุดลง ย่อมมีการเกิดวัฏจักรใหม่อีกครั้ง ซึ่งหากนักลงทุนสามารถคำนวณระยะที่วัฏจักรจะสิ้นสุดได้ ก็จะสามารถคาดการณ์ทิศทางของเทรนด์ได้อย่างแน่นอน
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว บางวัฏจักรอาจใช้เวลานานหลายปี ขณะที่บางวัฏจักรอาจใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและตัวชี้วัดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาด
นอกจากนี้ รูปแบบการเทรด Forex ของนักเทรดยังสามารถบ่งบอกระยะเวลาของวัฏจักรตลาดได้เช่นกัน หากท่านเทรด Forex แบบ Day trade ท่านก็อาจเห็นวัฏจักรของตลาดที่เกิดขึ้นและจบลงภายในไม่ถึงสัปดาห์ เช่น การดูกราฟแบบ Timeframe 15 นาที อย่างไรก็ตาม นักเทรด Swing ไม่มีทางเห็นวัฏจักรที่สิ้นสุดในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่หากท่านลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ท่านอาจเห็นวัฏจักรที่มีระยะเวลานานร่วมหลาย 10 ปีเลยทีเดียว
การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคเป็นเครื่องมือที่ใช้คาดการณ์วัฏจักรของตลาดได้ โดยมีอินดิเคเตอร์หลายๆ ตัวที่เหมาะสำหรับใช้คาดการณ์วัฏจักรตลาด ไม่ว่าจะเป็น CCI, DPO และอีกมากมาย
CCI ใช้ได้ผลดีสำหรับการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ และยังมีประโยชน์สำหรับการเทรดและ Forex ด้วยเช่นกัน ขณะที่อินดิเคเตอร์ DPO เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการระบุสภาวะตลาด Oversold และ Overbought ได้ อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ดีในการดูว่าวัฏจักรจะสิ้นสุดหรือเริ่มใหม่ตอนไหน
การทำความเข้าใจและจับวัฏจักรตลาดเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเทรดให้ประสบความสำเร็จและได้กำไรตามต้องการ อีกทั้งยังเป็นประเด็นสำคัญต่อการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ คริปโตฯ และตลาดอื่นๆ รวมถึงการเทรด CFD และอนุพันธ์เช่นกัน โดยวัฏจักรของตลาดจะช่วยให้นักเทรดตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเทรดขาขึ้นหรือขาลงดีกว่ากัน
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน