ตลาดหลักทรัพย์ (Stock Exchange) คืออะไร? ข้อดี-ข้อเสียที่ควรระวังเกี่ยวกับตลาดหุ้น

ตลาดหลักทรัพย์ หรือ ตลาดหุ้น (Stock exchange) หมายถึง แพลตฟอร์มหรือสถานที่ที่นักลงทุนสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้นของ บริษัทเจ้าของหุ้น ได้ บางคนอาจคิดว่า “เอ้ะ! เรื่องง่ายๆ ใครๆ ก็รู้นี่นา” แต่นั่นไม่จริงเลยครับ เพราะบางท่านยังเข้าใจผิดคิดว่า Stock exchange หมายถึง กระบวนการซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้น ทั้งที่จริงๆ แล้วมันหมายถึง “แหล่ง” ในการซื้อขายหุ้นต่างหาก

ในบทความวันนี้ เราจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจความหมายของตลาดหุ้นให้มากขึ้น รวมถึงทุกข้อดี-ข้อเสียของการเทรดหุ้นในตลาดหุ้น ว่ามันแตกต่างจากการเทรดหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ หรือที่เรียกกันว่า “Over-the-counter (OTC)” อย่างไร ถ้าพร้อมแล้ว… ไปกันเลยครับ!

ข้อแตกต่างระหว่างการเทรดหุ้นใน Stock Exchange และ OTC

การซื้อขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ (OTC) เป็นการดำเนินการระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายโดยตรงโดยไม่ต้องผ่าน ‘ตลาดหุ้น’ เป็นตัวกลาง ในขณะที่ตลาดหุ้นเปรียบเสมือน ‘ศูนย์กลางในการซื้อขาย’ ซึ่งก็แน่นอนว่าจะมีเงื่อนไขข้อกำหนด รวมถึงระบบการซื้อขายที่ชัดเจนสำหรับทั้งนักเก็งกำไรและนักลงทุน

ที่สำคัญการที่หุ้นของบริษัทหนึ่งๆ จะเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ได้นั้นจะต้องเข้าเงื่อนไขตามที่ตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้กำหนด ตัวอย่างเช่น ตลาด NASDAQ ก็จะมีข้อกำหนดอาทิ มีมูลค่าตลาดอย่างน้อย 70 ล้านเหรียญ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดของแต่ละตลาดในแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกันไป เช่น หากต้องการนำหุ้นเข้าตลาด Wall Street บริษัทจะต้องมีมูลค่าในตลาดมากกว่า 100 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

ตัวอย่างตลาดหลักทรัพย์

นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนหุ้นได้จากตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก มีทั้งตลาดเล็กๆ และตลาดใหญ่ๆ โดยในวันนี้เรามีตัวอย่างประเทศที่มีตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาแนะนำ ได้แก่:

• นิวยอร์ค (NYSE)
• โตเกียว (JPX)
• ลอนดอน (LSE)
• เซี่ยงไฮ้ (SSE)
• มุมไบ (BSE)

ข้อดี-ข้อเสียของการเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

แน่นอนว่าการที่บริษัทหนึ่งๆ ได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นั้นก็มีแนวโน้มทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตขึ้น นักลงทุนเองก็สามารถเข้าไปลงทุนในหุ้นของบริษัทนั้นๆ เพื่อทำกำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นได้ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดหุ้นนั้นไม่ได้มีแค่ข้อดีอย่างเดียว แต่ยังมาพร้อมกับข้อเสียบางอย่างที่นักลงทุนควรระวัง

ข้อดี:

1. บริษัทที่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ และเป็นที่รู้จักในหมู่นักลงทุน โดยเฉพาะหุ้นที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของนิวยอร์ค หรืออังกฤษ เป็นต้น
2. การเทรดหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการซื้อขาย เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
3. บริษัทมีโอกาสได้เงินลงทุนจากนักลงทุนเพิ่มเติม เพื่อนำไปขยายกิจการให้เติบโตขึ้นได้
4. เทรดเดอร์สามารถตั้งคำสั่งซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

ข้อเสีย:

1. การที่บริษัทจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ และต้องใช้เวลาในกระบวนการการพิจารณาต่างๆ และที่สำคัญบริษัทจะต้องผ่านเงื่อนไขเหล่านั้นตลอดระยะเวลาที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากหากไม่ผ่านเงื่อนไข อาจถูกนำออกจากตลาดหลักทรัพย์ได้นั่นเอง
2. ถึงแม้นักลงทุนจะมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้ แต่ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่านักลงทุนจะประสบความสำเร็จเหมือนกันทุกราย อีกทั้งตลาดยังมีความผันผวนไปเรื่อยๆ ตามสภาวะเศรษฐกิจและเหตุการณ์ต่างๆ ทางการเมืองอีกด้วย
3. ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีบางจังหวะที่ตลาดหุ้นตกอยู่ในสภาวะวิกฤต ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่เมื่อตลาดเข้าขั้นวิกฤตจริงๆ ท่านก็อาจขาดทุนได้มากมายเลยทีเดียว

วิธีการที่ดีที่สุดในการเทรดหุ้นให้ได้กำไรคุ้มค่าและหลีกเลี่ยงผลเสียในการเทรดหุ้นได้คือการใช้กลยุทธ์จัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ แล้วอย่าลืมศึกษาและทำความเข้าใจตลาดหุ้น รวมถึงลักษณะของหุ้นที่ท่านสนใจให้ดีก่อนเริ่มลงทุนนะครับ เริ่มเรียนรู้ วิธีการเทรดหุ้น วันนี้ เพื่อก้าวเข้าสู่ตลาดการเงินการลงทุนด้วยความมั่นใจ

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน