ออกจากระบบ
คุณจะแน่ใจหรือไม่ที่จะออกจากระบบ

เงินเฟ้อตามค่าแรง (Wage Inflation) – ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม

อัตราเงินเฟ้อตามค่าจ้าง (Wage inflation) เป็นการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการอันเป็นผลมาจากการเติบโตของค่าจ้าง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ยิ่งประชากรได้เงินเดือนเพิ่มมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งต้องจ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ แพงมากขึ้นเท่านั้น หมายความว่านายจ้างมักจะรักษาผลกำไรของบริษัทเอาไว้เสมอ เมื่อต้องเผชิญกับอัตราเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น

None

เป็นสาเหตุให้มูลค่าสินค้าและบริการมีราคาแพงขึ้น และทำให้แรงงานจะต้องได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยส่วนต่างระหว่างการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการ และเงินเดือนที่พวกเขาได้รับนั่นเอง

วันนี้ เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับอัตราเงินเฟ้อตามค่าจ้างแรงงาน เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมนักลงทุนควรให้ความสำคัญกับอัตราเงินเฟ้อนี้

Wage Inflation คืออะไร?

ค่าจ้าง (Wage) และอัตราเงินเฟ้อ (Inflation) มีความสัมพันธ์กัน ในขณะเดียวกัน หากท่านกำลังวางแผนที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้นตามราคาที่สูงขึ้น นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ท่านต้องทำความเข้าใจ ในขณะที่คนส่วนใหญ่ได้เงินเดือนหรือรายรับจากการทำงาน ยิ่งงานที่ทำให้เงินเดือนได้มากเท่าไหร่ ความกลัวที่จะต้องตกงานหรือออกจากงานดังกล่าวก็มากเท่านั้น นอกจากนี้ ธุรกิจขนาดเล็กและผู้ให้บริการส่วนใหญ่มักอิงตามการได้รับเงินค่าจ้างของแรงงานเป็นหลัก

ในขณะเดียวกัน ด้วยจำนวนยอดผู้ว่างงานที่เพิ่มขึ้น ผู้คนต่างไม่เต็มใจที่จะจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการที่มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ เพราะแน่นอนว่าเมื่อตกงาน พวกเขาก็ไม่มีรายได้ที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายนั่นเอง

Industry-best trading conditions
Deposit bonus
up to 200% Deposit bonus 
up to 200%
Spreads
from 0 pips Spreads 
from 0 pips
Awarded Copy
Trading platform Awarded Copy
Trading platform
Join instantly

วิธีควบคุมอัตราเงินเฟ้อจากค่าจ้าง

ทุกครั้งที่ท่านสังเกตเห็นว่าสินค้ามีราคาสูงขึ้น เป็นเรื่องปกติที่ท่านคาดหวังจะให้เงินเดือนของท่านเพิ่มขึ้นตาม เพื่อให้สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย สถานการณ์ดังกล่าวทำให้อัตราเงินเฟ้อของค่าจ้างเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในรูปแบบเกลียว โดยนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่ามันเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างภาวะเงินเฟ้อมากเกินไปกับภาวะเงินเฟ้อที่ไม่สามารถควบคุมได้ ตัวอย่างสถานการณ์ที่ย่ำแย่ เช่น นายจ้างขึ้นราคาและลูกจ้างที่ต้องการเงินเดือนที่สูงขึ้น ทุกอย่างมีความสัมพันธ์เป็นวงกลมและส่งผลให้เกิดอัตราเงินเฟ้อในค่าจ้างในที่สุด

โดยทั่วไป ราคาที่สูงขึ้นเป็นไปตามกลไกของระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากความสามารถของพนักงานที่มีกำลังซื้อลดลง ขณะที่ธุรกิจต่างๆ ก็ทำกำไรได้น้อยลงเช่นกัน ทำให้ธนาคารกลางต้องตอบสนองและดำเนินการจัดการเมื่อพบว่าอัตราค่าจ้างมีการเติบโต โดยภารกิจหลักของธนาคารกลางคือการป้องกันปฏิกิริยาลูกโซ่และการเคลื่อนไหวของราคาและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นเป็นวงกลมนั่นเอง

Wage Inflation ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างไร

ธนาคารกลางจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อของค่าจ้าง ซึ่งส่งผลให้ทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะจัดสรรเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อลด Demand ให้น้อยลง อย่างไรก็ตาม หลักการนี้ใช้ได้เฉพาะในทางทฤษฎีเท่านั้น เนื่องจากยังไม่เคยได้รับการพิสูจน์ยืนยันในสภาวะตลาดจริง

จริงๆ แล้ว นายธนาคารกลางมักจะเป็นผู้กำหนดนโยบายเฉพาะที่มุ่งเน้นไปที่กรอบเวลาหรือ Timeframe ที่ยาวกว่า ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะปรับเปลี่ยนระบบการจ่ายค่าจ้างแบบเดิมๆ ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดและทำให้ตลาดสั่นคลอน

ในทางกลับกัน มันอาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุน เป็นเหตุผลว่าทำไมธนาคารกลางจึงให้ความสำคัญกับการใช้มาตรการและข้อกำหนดในระยะยาวเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อของค่าจ้างและบรรลุเสถียรภาพด้านราคา

ตัวบ่งชี้อัตราค่าจ้าง

นักเทรดสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงค่าจ้างได้ โดยข้อมูลนี้เป็นตัวชี้วัดตามที่แสดงถึงอัตราการจ้างงาน พูดง่ายๆ คือหากท่านสังเกตเห็นอัตราเงินเฟ้อของค่าจ้าง ก็หมายความว่าอัตราเงินเฟ้อประเภทอื่นๆ จะเกิดขึ้นตามมาด้วย

ในกรณีนี้ นักลงทุนควรตระหนักว่าหน่วยงานกำกับดูแลพร้อมที่จะทนต่อภาวะเงินเฟ้อในช่วงเริ่มต้นได้หรือไม่ เนื่องจากหากพวกเขาไม่กระตือรือร้นที่จะทำการเคลื่อนไหวอย่างเร่งด่วนก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะไม่คลี่คลายสถานการณ์เมื่อพบว่ามีสัญญาณของอัตราเงินเฟ้อค่าจ้างเกิดขึ้น

ทางที่ดีที่สุดนักลงทุนควรติดตามข่าวสารอย่างรอบคอบเพื่อทำความเข้าใจว่าธนาคารกลางกำลังจะใช้นโยบายที่เข้มงวดหรือไม่ และรับฟังสิ่งที่หน่วยงานกำกับดูแลอย่างเป็นทางการพูดเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อของค่าจ้างอยู่เสมอ

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน