การเทรดตราสารทุน (Trading on equity) เป็นวิธีสร้างผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้น (Shareholder) จากหนี้สินของบริษัท โดยการเทรดตราสารทุนจะเกิดขึ้นเมื่อธุรกิจหรือบริษัทต่างๆ ใช้ตราสารหนี้ (Bond), หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred stock), และตราสารการเงินอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดหนี้สิน ดังนั้น บริษัทต้องมีการระดมทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ให้มากขึ้น และเมื่อหักลบกับมูลค่าตั้งต้นและอัตราดอกเบี้ยแล้ว บริษัทก็ยังมีกำไรไปจ่ายเป็นผลตอบแทนเพิ่มเติมให้กับผู้ถือหุ้นทุกราย
ที่สำคัญการเทรดตราสารทุนยังช่วยเพิ่มมูลค่ากำไรต่อหุ้นได้อีกด้วย โดยในวันนี้เราจะมาอธิบายการเทรดตราสารทุน รวมถึงข้อดี-ข้อเสีย และความเสี่ยงจากการเทรดตราสารทุนที่นักลงทุนต้องระวัง
การเทรดตราสารทุนเป็นกระบวนการที่เจ้าหนี้หยิบยื่นเงินกู้ให้กับบริษัทตามความแข็งเกร่งทางการเงินของบริษัทนั้นๆ โดยหากยอดกู้ยืมนั้นมีปริมาณมาก เราจะเรียกว่า “Thin equity” และหากยอดกู้ยืมมีประมิาณน้อย เราจะเรียกว่า “Thick equity” นั่นเอง
ทั้งบริษัทและผู้ถือหุ้นจะได้ผลประโยชน์จากตราสารทุน ดังนี้:
แน่นอนว่าทุกการลงทุนย่อมมีโอกาสเสี่ยงขาดทุน การเทรดตราสารทุนก็เช่นกัน เนื่องจากหากผู้กู้ยืมไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้ก็จะมีดอกเบี้ยจากการจ่ายล่าช้าเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
และการลงทุนตราสารทุนจะยิ่งเสี่ยงมากยิ่งขึ้นหากบริษัทเลือกกู้ยืมระยะสั้นๆ เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินการต่างๆ ส่วนตัว เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นนั้นค่อนข้างสูงและกลายเป็นภาระของผู้กู้ยืมได้ในที่สุด
ที่สำคัญผู้ถือหุ้นเองก็จะต้องระวังความเสี่ยงจากกระแสเงินสดที่ลดลงหรือรุนแรงกว่านั้นก็คือการล้มละลายนั่นเองครับ
วิธีการที่ดีที่สุดในการลงทุนตราสารทุนให้ได้กำไรมั่นคงและปลอดภัยคือการลงทุนเมื่อตราสารทุนนั้นๆ มีเงื่อนไขดังต่อไปนี้:
โดยสรุปตราสารทุนมีข้อดีตรงที่ว่าการชำระดอกเบี้ยต่ำ อัตราดอกเบี้ยน่าพอใจ และช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงทั้งต่อนักลงทุนและบริษัทหากผลการดำเนินการไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน