ตลาดยังคงมีความผันผวนจากข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างยูเครน-รัสเซีย และความตึงเครียดกับอิหร่าน ซึ่งส่งผลให้กับนักลงทุนที่อาศัยโมเมนตัมของตลาดในการเทรดยังคงมีท่าทีระมัดระวัง โดยรายงานตัวเลขตำแหน่งงานว่าง JOLTS ของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งสวนทางกับความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาด ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4.5 เดือน ก่อนฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนรอการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนกุมภาพันธ์
การประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์ เกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากแคนาดา ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน ได้กดดันบรรยากาศการซื้อขายในตลาด อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีออนแทรีโอ ดั๊ก ฟอร์ด ในการยกเลิกการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมไฟฟ้า การที่สหรัฐฯตัดสินใจชะลอการเก็บภาษีเพิ่มเติม ประกอบกับการที่ทรัมป์ปฏิเสธความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และข้อตกลงหยุดยิง 30 วันระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ได้ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลของตลาดบางส่วน ขณะที่ สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯได้ผ่านร่างกฎหมายจัดสรรเงินทุนเพื่อป้องกันการชัตดาวน์ของรัฐบาล แม้ว่ายังคงต้องได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภาอยู่ก็ตาม
ในตะวันออกกลาง อิหร่านปฏิเสธการเจรจากับสหรัฐฯ ขณะที่กลุ่มฮูตีขู่ว่าจะโจมตีเรือสินค้าของอิสราเอลที่แล่นผ่านทะเลแดง ทะเลอาหรับ ช่องแคบบับ เอล-มานเดบ (Bab al-Mandab) และอ่าวเอเดน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คู่เงิน EURUSD พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2024 ท่ามกลางการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯ และความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแผนการใช้จ่ายของเยอรมนี ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นดังกล่าวเริ่มชะลอตัวลงในช่วงเช้าวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนต่างรอคอยการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ และแถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) คริสติน ลาการ์ด ภายหลังจากที่ โอลลี เรห์น ผู้กำหนดนโยบายของ ECB ได้กล่าวว่าการเรียกเก็บภาษีของสหรัฐฯ อาจทำให้การผลิตทั่วโลกลดลงมากกว่า 0.5% ทั้งในปีนี้และปีหน้า
ทางฝั่งคู่เงิน GBPUSD ดูเปราะบางมากกว่าเมื่อเทียบกับคู่เงิน EURUSD เนื่องจากความเชื่อมั่นที่ลดลงเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษล่าสุดจะปรับตัวดีขึ้น แต่ท่าทีเชิงผ่อนคลายนโยบายการเงินจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยกดดัน
ขณะเดียวกัน คู่เงิน USDJPY มีราคาเสนอซื้อเป็นบวกและขยายการฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบห้าเดือนที่เกิดขึ้นในวันก่อนหน้า โดยเงินเยนญี่ปุ่นเผชิญแรงกดดันจากสัญญาณเงินเฟ้อที่อ่อนแอในญี่ปุ่น และถ้อยแถลงที่ไม่ชัดเจนจากผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) คาซูโอะ อูเอดะ
ต่างจากสกุลเงินหลักอื่นๆ ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันว่า 'สกุลเงินกลุ่ม Antipodeans ' ยังคงขาดแรงหนุนในการฟื้นตัว โดยการดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์เริ่มแผ่วลง คู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD กลับมามีแนวโน้มขาลงอีกครั้ง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ความตึงเครียดทางการค้าและการเมืองระหว่างจีน-สหรัฐฯ ตลอดจนการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) นอกจากนี้ การที่ออสเตรเลียตัดสินใจไม่เรียกเก็บภาษีกับสหรัฐฯ ประกอบกับข้อมูลยอดค้าปลีกของนิวซีแลนด์ที่มีการรายงานในหลากหลายทิศทาง ยังเป็นปัจจัยที่ท้าทายนักเทรดสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์นิวซีแลนด์ในช่วงนี้อีกด้วย
คู่เงิน USDCAD กำลังฟื้นตัวจากการดึงกลับของวันก่อนหน้า ซึ่งได้ฟอร์มรูปแบบกราฟแท่งเทียน Doji ที่ระดับสูงสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม คู่เงิน Loonie ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของแคนาดาในวันก่อนหน้า เนื่องจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและแคนาดา รวมถึงแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากธนาคารกลางแคนาดา (BoC) โดยคาดว่า BoC จะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในวันพุธนี้ ซึ่งอาจหนุนให้คู่เงิน USDCAD ปรับตัวสูงขึ้น หากข้อมูล CPI ของสหรัฐฯสามารถสนับสนุนการฟื้นตัวล่าสุดของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้
ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากแนวต้านอายุหนึ่งเดือน หลังจากสิ้นสุดการปรับตัวขึ้นติดต่อกันสามวัน โดยได้รับแรงกดดันจากการฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐฯและภาวะ consolidation ของตลาดก่อนการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯในวันนี้ นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯที่เริ่มคลี่คลายลง รวมถึงความหวังว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะไม่เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ (government shutdown) ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำเกิดการดึงกลับเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน กลายเป็นปัจจัยที่บดบังผลกระทบจากตัวเลขปริมาณน้ำมันคงคลังภาคเอกชนของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด ซึ่งช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงเผชิญแรงกดดันและขาดแรงหนุนที่ชัดเจน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตที่อาจเกิดขึ้นของกลุ่ม OPEC+ อุปสงค์ที่ลดลงจากลูกค้ารายใหญ่ รวมถึงการคลี่คลายความตึงเครียดทางการเมือง ประกอบกับแรงผลักดันจากประธานาธิบดีทรัมป์ที่เรียกร้องให้มีการขุดเจาะน้ำมันเพิ่มขึ้น
Bitcoin (BTCUSD) และ Ethereum (ETHUSD) พลิกกลับจากการดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน ซึ่งได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการชำระเงิน Bitcoin มูลค่า 930 ล้านดอลลาร์จากกรณี Mt. Gox ความผิดหวังจากการประกาศเกี่ยวกับการสำรอง Bitcoin ของทรัมป์ และการไหลออกของเงินทุนจาก ETF ณ ขณะนี้ นักลงทุนในตลาดคริปโตอยู่ในช่วงตัดสินใจที่สำคัญ โดยต้องเลือกว่าจะเชื่อมั่นในความหวังที่ได้รับจากแรงผลักดันจากทรัมป์ หรือจะกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีที่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง รวมถึงการที่นักลงทุนจากสถาบันการเงินเริ่มถอยออกจากตลาด
วันพุธนี้ มีปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจหลายรายการที่น่าจับตามอง เช่น ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และอินเดีย การแถลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางแคนาดา (BoC) และแถลงการณ์ของคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) นอกจากนี้ การรายงานข่าวเกี่ยวกับมาตรการภาษี การชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ และความคืบหน้าของข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจมีผลต่อทิศทางตลาดด้วยเช่นกัน
หากดัชนี CPI ของสหรัฐฯออกมาแข็งแกร่ง ประกอบกับภาวะการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ยังดำเนินอยู่ อาจหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะมีผลให้คู่เงิน USDCAD ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะหาก BoC มีท่าทีสนับสนุนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายพร้อมกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้คู่เงิน EURUSD และคู่เงิน GBPUSD เกิดการดึงกลับของระดับราคาต่อไป และหนุนให้คู่เงิน USDJPY ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่อาจส่งผลกระทบต่อคู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD อีกด้วย สำหรับราคาน้ำมันดิบ อาจเผชิญแรงกดดันจนไม่สามารถรักษาระดับการปรับตัวขึ้นล่าสุดไว้ได้ ซึ่งจะยิ่งส่งเสริมให้คู่เงิน USDCAD ขยับตัวสูงขึ้น ในส่วนของราคาทองคำอาจกลับตัวลงจากแนวต้านทางเทคนิค ด้านตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันจากฝั่งขาลงต่อไป และตลาดหุ้นอาจปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!