ราคาน้ำมันดิบคงการดึงกลับจากระดับสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ขณะที่สัปดาห์สำคัญเริ่มต้นขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังคงได้รับแรงกดดันหลังจากพลิกกลับจากระดับสูงสุดอายุ 11 สัปดาห์ในวันก่อนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีการดีดตัวสูงขึ้นก่อนการรายงานข้อมูล/เหตุการณ์สำคัญของสัปดาห์นี้ การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของเส้นแนวรับที่เปลี่ยนเป็นแนวต้านซึ่งทอดยาวตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2023 และเส้นแนวโน้มที่ลาดลงตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนปีที่แล้ว เป็นที่น่าสังเกตว่าการดึงกลับของสัญญาณ RSI จากเขตที่มีการบ่งชี้ถึงแรงเทซื้อที่มากเกินไปและการชะลอตัวลงของสัญญาณ MACD ที่เป็นช่วงขาขึ้นยังสนับสนุนสภาวะ consolidation ล่าสุดของราคาน้ำมันดิบอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ ราคาจึงมีแนวโน้มที่จะขยายร่วงลงล่าสุดไปทดสอบแนวรับที่เส้น 10-SMA ที่ระดับราคาที่ราวๆ $82.50 อย่างไรก็ตาม Fibonacci ratio 50% ของสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลดลงในช่วงปลายปี 2023 และเส้น 100-SMA ซึ่งใกล้กับระดับราคาที่ประมาณ $81.40 และ $80.40 ตามลำดับ ตามมาอย่างรวดเร็วด้วยระดับราคาที่ราวๆ $80.00 จะท้าทายช่วงแนวโน้มขาลงของน้ำมันในภายหลัง ในกรณีที่ราคายังคงร่วงลงผ่านระดับราคาที่ $80.00 พื้นที่ที่ประกอบด้วยจุดสูงสุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2023 ถึงมกราคม 2024 ที่บริเวณ $79.70-25 จะเป็นแนวรับสุดท้ายของแรงเทซื้อก่อนที่ช่วงแนวโน้มขาลงจะเข้าควบคุมตลาด
ในขณะเดียวกัน เส้นแนวต้านที่ลาดลงตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ราวๆ $84.10 จะต้านทานช่วงขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบ หลังจากนั้น แนวรับก่อนหน้าตั้งแต่ปลายปี 2023 จะทดสอบแรงเทซื้อน้ำมันที่ระดับ $84.70 อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าเส้นแนวต้านขาลงอายุ 9.5 เดือนที่ราวๆ $86.50 ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับแรงเทซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ การทะลุระดับราคาดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันสามารถท้าทายระดับสูงสุดประจำปีที่ประมาณ $87.60 ได้
สรุปภาพรวม ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในสภาวะ consolidation ต่อไป ขณะที่ประธาน Fed Jerome Powel มีกำหนดเข้าแถลงนโยบายการเงินรอบประจำทุกๆสองปีและการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ
